วันนี้เราจะพาคุณไปสร้างความร่ำร ว ย ในแบบของคนที่โคตรขี้เกียจ กับบทความ 8 วิ ธีสร้างความร ว ย อย่ างคนขี้เกียจ ไปดูกันว่าจะต้องทำอย่ างไรบ้าง
หล า ยคนอ่านหัวข้อก็อาจจะสงสัยว่า การเป็นคนขี้เกียจ จะก้าวสู่ความร ว ยได้จริงหรอ ซึ่งบางคนก็มักจะมองว่า คนร ว ยคือคนขี้เกียจ แล้วก็กล า ยเป็นว่า ไม่พากันทำอะไรเลย วันๆเอาแต่นั่งๆนอนๆ
แล้วหวังรอเพิ่งโชคลาภ แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ไปไหน ชีวิตก็ยังอยู่ที่เดิม แต่วันนี้เราจะมาพูดถึง การเป็นคนร ว ย ในแบบฉบับของ คนขี้เกียจ ที่เป็นคนขี้เกียจแบบก้าวหน้า จะเป็นอย่ างไรไปดูกันเลย
1 ให้ตัวเองได้ขี้เกียจบ้าง
ร่างกายของเราไม่ใช่เครื่องจักร ต้องมีวันเสื่อมโทรมบ้างเป็นธรรมดา และหากวันใดที่เราไม่สบาย ร่างกายอ่อนแอ ก็ไม่ควรที่จะฝืนร่างกาย หากเราสามารถลางานได้ ก็ควรจะลาพักผ่อน ให้ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองบ้าง เพราะหากคุณฝืนใช้ร่างกายมากๆ นอ กจากงานจะออ กมาไม่ได้ประสิทธิภาพแล้ว ร่างกายก็อาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้
2 ฝึกทำอะไรสักอย่ างติดกัน เป็นเวลา 14 วัน
หากอย ากจะเริ่มทำให้อะไรให้กล า ยเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายๆ ให้เริ่มจากฝึกทำอย่ างต่อเนื่องให้ได้ 14 วัน แล้วต่อไปคุณก็จะทำสิ่งนั้นได้แบบอัตโนมัติ โดยที่คุณจะไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องย ากอีกต่อไป เช่น การออ กกำลังกาย หากใครที่คิดว่าการออ กกำลังกายสม่ำเสมอนั้นเป็นเรื่องที่ย าก ก็ให้คุณลองกลั้นใจทำให้ได้ครบ 14 วัน หรือ การตื่นเช้าและเข้านอนให้เป็นเวลา จะทำให้ร่างกายของคุณสดชื่นขึ้นอย่ างไม่น่าเชื่อ
3 แบ่งย่อยเป้าหมายให้เล็กลง ให้สำเร็จง่ายขึ้น
หากคุณตั้งเป้าหมายที่ใหญ่ คุณอาจจะเริ่มท้อก่อนที่จะไปถึงเป้าหมาย ดังนั้นลองแบ่งย่อยเป้าหมายที่คุณต้องการให้เล็กลงมา แล้วเริ่มทำจากเรื่องเล็กๆ แล้วค่อยๆเริ่มทำไปทีละขั้น เหมือนเป็นขั้นบันไดเล็กๆ คุณก็จะมีกำลังใจที่จะพิชิตเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ได้ในที่สุด
4 ขี้เกียจได้ แต่อย่ าทิ้งเวลาให้เปล่าประโยชน์
ปกติทั่วไปของคนเรา จะมีช่วงเวลาที่สำคัญ ที่เรียกว่ามีสมาธิในการจดจ่อ และทำให้เราสามารถทำงานได้อย่ างราบรื่น ประมาณ 2 ชั่ วโมงต่อวัน ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเวลานั้นแตกต่างกันไป บางคนอาจจะเกิดขึ้นในตอนเช้าตรู่ บางคนอาจจะเกิดขึ้นในระหว่างวัน หรือบางคนก็อาจจะเกิดขึ้นในช่วงกลางคืน ก่อนนอน
ดังนั้นเราจึงต้องหาช่วงเวลานั้นของตัวเองให้เจอ ว่าช่วงไหนคือช่วงที่เราจะมีสมาธิและสามารถจดจ่อในการทำบางอย่ างอย่ างจริงจังได้นานๆ และใช้เวลานั้นให้คุ้มค่าที่สุด เพื่อให้งานออ กมาสำเร็จ แล้วหลังจากนั้นเราก็ค่อยใช้เวลาไปกับการพักผ่อน หรือทำอะไรไร้สาระบ้าง เพื่อเป็นการผ่อนคล า ยส ม อ ง
5 อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เราขี้เกียจได้ย าก
หากการที่เราอยู่ในห้องคนเดียว แล้วทำให้เราอย ากจะนอน หรือไม่มีสมาธิในการทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ ลองเอาตัวเองไปอยู่ในแวดล้อมที่กระตุ้นตัวเองได้มากขึ้น อย่ างการไปนั่งในห้องสมุดที่มีคน มาอ่านหนังสือเยอะๆ ก็จะทำให้เราอย ากอ่าน มากขึ้น หรือ การนั่งทำงานที่ร้านกาแฟ เปลี่ยนแวดล้อมใหม่ๆเพื่อให้เกิดไอเดียใหม่ๆมาใช้ในงานได้ เป็นต้น
6 เลือ กทำกิจก ร ร มที่ทำให้เรารู้สึกว่าได้กำไร
เวลาเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ แต่มันก็มีความยุติธรรมกับทุกคน เพราะแต่ละคนไม่ว่าจะ ร ว ย หรือ จน ต่างก็มีเวลาเท่ากันทุกวัน 24 ชั่ วโมง แต่สิ่งที่ทำให้คนเรานั้นต่างกัน คือ การใช้เวลาไปกับอะไรต่างหาก ดังนั้นเราควรที่จะเลือ กทำอะไร ที่ไม่ทำให้รู้สึกว่าเวลานั้นสูญเปล่า อย่ างเช่น การฟังบทสนทนาภาษาอังกฤษในขณะที่ขับรถ เราไม่ได้บอ กให้คุณทำอะไรพร้อมกันหล า ยๆอย่ าง แต่ในบางบริบทที่คุณสามารถทำอย่ างอื่นเพิ่มได้ และมันไม่ไปรบกวนสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ ก็ให้คุณทำซะ
7 อย่ ากดดันตัวเองจนเกินไป
บางครั้งการกดดันตัวเอง เพื่อหวังจะให้ผลลัพธ์ออ กมาดี อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเสมอไป เพราะการที่เราเจอแรงกดดันที่มากเกินไป จะทำให้เราเครียด และการทำงานบนความเครียดก็ไม่ช่วยให้ผลงานของเราออ กมาดีกว่าเดิมได้หรอ กนะ สู้ทำงานด้วยความสุขไม่ดีกว่าหรอ
8 ให้ร่างกายได้พักผ่อนได้อย่ างเต็มที่
การจะทำอะไรให้สำเร็จได้นั้น ต้องเริ่มต้นจากต้นทุนที่ดีเสียก่อน และต้นทุนที่ดี คือ ร่างกายที่แข็งแรงพร้อมที่จะทำงานนั่นเอง ดังนั้นเราควรให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่ างเต็มที่ เข้านอนให้เร็ว และนอนให้เป็นเวลา ตื่น มาพร้อมกับเช้าที่สดใส ไม่ควรทำกิจก ร ร มอย่ างอื่นบนที่นอน เพราะจะทำให้ร่างกายของเราแยกแยะไม่ออ กว่าส่วนไหนคือที่พักผ่อนจริงๆกันแน่ และจะส่ งผลทำให้นอนหลับย าก อย่ างเช่น การดูทีวี หรือเล่นโทรศัพท์ก่อนนอน
บิล เกตส์ เคยกล่าวไว้ว่า
‘ผมมักเลือ กคนขี้เกียจให้ทำงานย ากๆ เสมอ เพราะพวกเค้าจะหาวิธีที่ง่ายที่สุดในการทำมันให้สำเร็จ’ บางครั้งคนเราอาจจะไม่จำเป็นตต้องเป็นคนที่ทำงานหนัก เพื่อให้ได้งานที่มาก แต่เราต้องเป็นคนที่ทำงานอย่ างมีความคิด มีแบบแผนในการทำงาน ทำงานออ กมาให้มีประสิทธิภาพ อาจจะใช้เวลาให้น้อยที่สุด และผลลัพธ์ออ กมาดีที่สุด
เพื่อที่เราจะได้เหลือเวลาไปทำอย่ างอื่นในชีวิตบ้าง อาจจะใช้เวลาที่เหลือทำเรื่องไร้สาระบ้าง ไม่ให้เครียดกับชีวิตเกินไป หรืออาจจะใช้เวลาที่เหลือเป็นคนขี้เกียจดูบ้างก็ยังได้ และนั่นแหละคือ การก้าวสู่ความร ว ยในแบบฉบับคนขี้เกียจ เป็นผู้ที่ต้องการให้งานเสร็จไวขึ้น เพื่อให้ตนเองมีเวลาขี้เกียจได้เรื่อยๆ
ที่มา bitcoretech